ผู้ให้บริการโซลูชั่นการทำฟาร์มแนวตั้ง: Skyplant มุ่งเน้นไปที่เรือนกระจก ระบบการทำฟาร์มแนวตั้ง & อุปกรณ์.
1. การทำให้เป็นอัจฉริยะ: การใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าใน Internet of Things (IoT), ข้อมูลขนาดใหญ่ และปัญญาประดิษฐ์ เรือนกระจกในอนาคตจะมีความชาญฉลาดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์จะตรวจสอบพารามิเตอร์สภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ และปรับแสง อุณหภูมิ และความชื้นโดยอัตโนมัติเพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดการเจริญเติบโตของพืช
2. การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงาน: เพื่อให้บรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน เรือนกระจกในอนาคตจะให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งรวมถึงการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้า ตลอดจนการนำวัสดุและเทคโนโลยีฉนวนขั้นสูงมาใช้เพื่อลดการใช้พลังงาน
3. การเพาะปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ: โรงเรือนในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการปลูก เทคนิคต่างๆ เช่น การทำฟาร์มแนวตั้งและไฮโดรโปนิกส์จะช่วยเพิ่มผลผลิตต่อหน่วยพื้นที่ ในขณะที่เทคโนโลยีชีวภาพ เช่น การตัดต่อยีน จะถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเรือนกระจกมากขึ้น
4. สุขภาพและความปลอดภัย: โรงเรือนในอนาคตจะเน้นความปลอดภัยและคุณภาพของอาหาร การเพาะปลูกแบบไร้ดินและปุ๋ยอินทรีย์จะช่วยลดการใช้สารเคมี ทำให้มั่นใจในสุขภาพและความปลอดภัยของพืชผล
5. การจัดการระยะไกล: ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสาร โรงเรือนในอนาคตจะสนับสนุนการตรวจสอบและการจัดการระยะไกล เกษตรกรสามารถตรวจสอบการเจริญเติบโตของพืชผลผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ และดำเนินการที่จำเป็นจากระยะไกล
6. การทำงานที่หลากหลาย: โรงเรือนในอนาคตจะพัฒนาไปสู่อาคารเชิงบูรณาการที่ผสมผสานการผลิต การวิจัย การศึกษา และหน้าที่อื่นๆ ตัวอย่างเช่น ห้องปฏิบัติการภายในเรือนกระจกสามารถศึกษารูปแบบการเจริญเติบโตของพืชและวิธีการควบคุมศัตรูพืช ในขณะที่โซนสัมผัสประสบการณ์สามารถจัดแสดงเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่แก่ผู้เข้าชมได้
โดยสรุป เทคโนโลยีเรือนกระจกในอนาคตจะสร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านสติปัญญา ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพ สุขภาพและความปลอดภัย การจัดการระยะไกล และฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรมีปริมาณมากขึ้นและมีคุณภาพสูงขึ้น